มีคำพูดหนึ่งที่ผมเคยได้ยินว่า
“สงครามโลกครั้งที่ 4 จะสู้กันด้วยไม้และหิน”
ไม่ใช่ว่าโลกจะย้อนกลับไปใช้ของโบราณ แต่เพราะถ้าสงครามโลกครั้งที่ 3 เกิดขึ้นจริง ความเสียหายอาจรุนแรงจนทุกอย่างพังพินาศเกินกว่าจะฟื้นฟูได้
ช่วงนี้ข่าวลือเรื่องความขัดแย้งในหลายภูมิภาค ทำให้มีคนถามผมบ่อยว่า
“ถ้าเกิดสงครามใหญ่จริงๆ เราควรทำยังไง?”
ผมไม่ใช่นักวิเคราะห์ความมั่นคง ไม่มีบังเกอร์หรือถังออกซิเจน แต่ในฐานะคนที่เคยผ่านวิกฤตเศรษฐกิจมาแล้วหลายครั้ง ผมตอบได้เพียงว่า
“ในวันที่ความไม่แน่นอนสูงสุด สิ่งที่คนเชื่อถือที่สุด คือทรัพย์สินที่จับต้องได้”
ตอน “วิกฤตต้มยำกุ้ง” ใครถืออสังหาฯ — น้ำตาไหล
ใครถือหุ้น — หน้ามืด
ใครถือเงินสด — พอรอด
แต่ใครถือ ทองคำ — ยืนหนึ่ง
ผมเคยถามเจ้าของร้านทองย่านเยาวราชว่า ทำไมร้านทองถึงเปิดทุกวันแม้เศรษฐกิจจะพัง เขาตอบสั้นๆ ว่า
“เพราะทองมันไม่โกหก”
หากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ขึ้นจริง
ตลาดหุ้นจะปั่นป่วน
ค่าเงินจะผันผวน
แต่ราคาทองคำมักค่อยๆ ขยับขึ้นตามจังหวะของมันเอง
ทองคำไม่ต้องทำการตลาด ไม่ต้องยิงโฆษณา แค่พูดว่า “ทองคำแท่ง 1 บาท” ทุกคนก็รู้ว่ามันคือ “ของจริง” ที่มีมูลค่า
ผมไม่ได้บอกให้ทุกคนทุ่มเงินซื้อทองทั้งหมด แต่ทองควรเป็น “ยาสามัญประจำบ้าน” ทางการเงิน เหมือนการซื้อประกันชีวิต
เราไม่ได้ซื้อเพราะคิดว่าจะตาย แต่ซื้อเพื่อให้คนข้างหลังไม่ลำบาก
ในวันที่โลกสงบ ทองคำอาจดูธรรมดา
แต่ในวันที่โลกสั่นคลอน มันคือ “ฮีโร่” ที่ช่วยรักษามูลค่าได้เสมอ
อย่าซื้อทองเพราะความกลัว
ให้ซื้อเพราะเข้าใจคุณค่าและบทบาทของมัน
ทองคำคือเครื่องมือรักษามูลค่า ไม่ใช่แค่การเก็งกำไร
เพราะในวันที่โลกเหมือนไม่เหลืออะไร
ทองคำจะยัง “เหลืออยู่” และ “อยู่รอด” เสมอ
ข้อสงวนสิทธิ์:
บทความหรือข่าวสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น โดยเนื้อหาอาจจัดทำขึ้นโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสรุปข้อมูลจากแหล่งข่าวต่าง ๆ ที่เปิดเผยต่อสาธารณะ หรือเรียบเรียงจากความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ทั้งนี้ มิได้เป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือการซื้อขายทองคำ สินทรัพย์ หรือหลักทรัพย์ใด ๆ ผู้จัดทำได้พยายามตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลอย่างเต็มที่ แต่อาจมีความคลาดเคลื่อนหรือเปลี่ยนแปลงได้ตามเวลา และขอสงวนสิทธิ์ไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่ากรณีใด