ตลาดไม่ได้พัง แค่โลกกำลังพักก่อนเริ่มวิ่งใหม่ — บทเรียนจาก Cathie Wood ว่าความเงียบวันนี้คือพลังของวันพรุ่งนี้

ตลาดไม่ได้พัง แค่โลกกำลังพักก่อนเริ่มวิ่งใหม่ — บทเรียนจาก Cathie Wood ว่าความเงียบวันนี้คือพลังของวันพรุ่งนี้

10 พฤศจิกายน 2568 เวลา 17:52 น.

“ตลาดไม่ได้พัง...แค่โลกกำลังพัก ก่อนเริ่มวิ่งใหม่”

— บทเรียนเรื่องความอดทนในวันที่ทุกอย่างดูช้าไปหมด

ในวันที่ตลาดผันผวนและความกลัวแผ่ซ่าน
สิ่งที่เรามักลืมคือ “ตลาดก็มีหัวใจ”
มันหายใจเข้า–ออกเหมือนมนุษย์เรา
ช่วงที่ราคาลง…บางทีอาจไม่ใช่การล้ม แต่คือการพักหายใจ

Cathie Wood กล่าวไว้ในรายการ In the Know ว่า

“ตอนนี้ตลาดไม่ได้อยู่ในภาวะวิกฤต แต่มันแค่ขาดลมหายใจระยะสั้น”

คำพูดนั้นเหมือนเสียงเตือนใจว่า
ในทุกจังหวะนิ่งของโลกเศรษฐกิจ มักมีการเติบโตซ่อนอยู่เสมอ


1. ตลาดไม่ได้ล้ม...แค่เงินยังไม่หมุน

ตอนนี้ “น้ำในระบบ” หรือสภาพคล่องกำลังแห้งลง
เพราะธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังคงดูดเงินออกจากระบบ
และรัฐบาลยังค้างการเบิกจ่ายเพราะภาวะชัตดาวน์

แต่เมื่อ การดูดเงินสิ้นสุดในวันที่ 1 ธันวาคมนี้
และรัฐบาลกลับมาเปิดทำงาน
สายน้ำทางการเงินจะเริ่มไหลอีกครั้ง

ความฝืดในวันนี้ อาจเป็นเพียงช่วงเวลาที่ระบบกำลังรีเซ็ต เพื่อเตรียมเริ่มต้นใหม่


2. เฟดที่ตึง...กำลังจะคลาย

เหมือนคนขับรถที่เหยียบเบรกแรงเพราะกลัวลื่น
แต่ตอนนี้ถนนเริ่มแห้งแล้ว

Cathie มองว่า เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม
และเมื่อถึงตอนนั้น ตลาดจะกลับมามีจังหวะหายใจที่เป็นธรรมชาติอีกครั้ง

บางครั้ง ความเงียบไม่ได้หมายถึงความตาย
แต่คือ “ช่องว่าง” ระหว่างสองรอบของการเติบโต


3. โลกกำลังเข้าสู่ยุค “เงินฝืดเชิงบวก”

เรามักกลัวคำว่า “เงินฝืด” เพราะคิดถึงการหยุดโต
แต่ Cathie บอกว่า รอบนี้ต่างออกไป

เงินฝืดที่กำลังจะมา…
ไม่ใช่เพราะคนหยุดใช้จ่าย
แต่เพราะ “เทคโนโลยีทำให้ทุกอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

AI, หุ่นยนต์, พลังงานสะอาด และซอฟต์แวร์ใหม่ ๆ
กำลังทำให้บริษัท “ผลิตได้มากขึ้น ใช้ทรัพยากรน้อยลง”
ต้นทุนลดลง คุณภาพชีวิตดีขึ้น และเศรษฐกิจยังคงเติบโต

นี่คือ “เงินฝืดเชิงบวก” —
การเปลี่ยนผ่านจากโลกที่โตด้วยการบริโภค
สู่โลกที่โตด้วย ความสามารถและนวัตกรรม


4. รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังจุดไฟรอบใหม่

นโยบายใหม่ในสหรัฐฯ เปิดทางให้บริษัทสามารถ
หักค่าเสื่อมได้เต็ม 100% ภายในปีเดียว
สำหรับโรงงาน เครื่องจักร งานวิจัย และซอฟต์แวร์

ผลคือภาษีที่จ่ายจริงลดลง เหลือประมาณ 10%
ธุรกิจจึงมีแรงจูงใจลงทุน
และต่างชาติก็พร้อมกลับเข้ามา

นี่คือการฟื้นตัวที่ไม่ได้เกิดจากการอัดเงิน
แต่เกิดจาก “การสร้างระบบเศรษฐกิจที่มีรากฐานแข็งแรงกว่าเดิม”


5. ทองคำแพง…ไม่ใช่ปัญหา แต่มันคือสัญญาณ

ในประวัติศาสตร์ มีเพียงสองครั้งที่ราคาทองคำสูงเท่านี้เมื่อเทียบกับปริมาณเงิน
ครั้งแรกคือช่วง Great Depression
ครั้งที่สองคือช่วงเงินเฟ้อรุนแรงในปี 1980

และทั้งสองครั้งหลังจากนั้น…ตลาดหุ้นกลับฟื้นตัวอย่างแข็งแรง

ทองที่ขึ้นสูงในวันนี้
อาจไม่ใช่สัญญาณของความกลัว
แต่มันคือเสียงกระซิบว่า “บางสิ่งกำลังจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง”


6. คริปโตยังอยู่ในเกม…แต่บทบาทกำลังเปลี่ยน

Stablecoin เริ่มมีบทบาทแทน Bitcoin
ในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงในประเทศเกิดใหม่

แต่ Bitcoin ก็ยังคงคุณค่าในฐานะ “ทองคำดิจิทัล”
เพราะในขณะที่ทองคำโตขึ้นสองเท่า
มูลค่าตลาดรวมของ Bitcoin ก็ยังอยู่ในระดับที่มีศักยภาพเติบโตอีกมาก

ทุกสิ่งยิ่งใหญ่ ล้วนผ่านช่วงที่ถูกสงสัยก่อนเสมอ


7. สุดท้าย…นี่ไม่ใช่จุดจบ แต่มันคือการพักก่อนเริ่มใหม่

Cathie กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า

“สิ่งที่เรากำลังเห็นไม่ใช่เศรษฐกิจที่พัง แต่เป็นระบบที่กำลังพัก ก่อนกลับมาทำงานอีกครั้ง”

และบางที นั่นอาจเป็นบทเรียนของชีวิตเช่นกัน

ในวันที่ตลาดนิ่ง เราอาจรู้สึกเหมือนหยุดอยู่กับที่
แต่ภายใต้ความนิ่งนั้น มักมี “พลังที่กำลังสะสม” เพื่อพาเราขึ้นสูงกว่าเดิม

ความเงียบของวันนี้…อาจเป็นเสียงเตรียมตัวของวันพรุ่งนี้ที่กำลังมา


บทสรุป

  • ตลาดไม่ได้พัง แค่เงินยังไม่ถูกปล่อย

  • QT จบ + เฟดผ่อนดอก = จุดเปลี่ยนของระบบการเงิน

  • ปีหน้าอาจเป็นปีของ “การฟื้นตัวด้วยผลิตภาพ”

  • เงินฝืดเชิงบวกจะเปลี่ยนวิธีโตของโลก

  • และในทุกจังหวะช้า...จงอดทน เพราะบางครั้ง “การรอ” ก็คือส่วนหนึ่งของการเติบโต

“พายุไม่ได้หยุดการเดินทางของเรา มันแค่ทำให้เรามีแรงพอสำหรับการปีนเขาครั้งต่อไป”


ข้อสงวนสิทธิ์: บทความหรือข่าวสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น โดยเนื้อหาบางส่วนอาจเรียบเรียงจากความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน หรืออาจจัดทำขึ้นโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ เพื่อสรุปข้อมูลจากแหล่งข่าวต่าง ๆ ที่เปิดเผยต่อสาธารณะ และนำมาเรียบเรียงใหม่เพื่อการทำความเข้าใจที่ง่ายขึ้น ทั้งนี้ มิได้เป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือการซื้อขายทองคำ สินทรัพย์ หรือหลักทรัพย์ใด ๆ ผู้จัดทำได้พยายามตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลอย่างเต็มที่ แต่อาจมีความคลาดเคลื่อนหรือเปลี่ยนแปลงได้ตามเวลา และขอสงวนสิทธิ์ไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่ากรณีใด