ทองจะพุ่ง หรือถึงจุดขาย? วิเคราะห์แนวโน้ม + ดัชนี Greed ล่าสุด

ทองจะพุ่ง หรือถึงจุดขาย? วิเคราะห์แนวโน้ม + ดัชนี Greed ล่าสุด

30 กรกฎาคม 2568 เวลา 12:00 น.

ราคาทองปรับฐานหรือโอกาสเข้าซื้อ? วิเคราะห์แนวโน้มล่าสุด + ดัชนีความโลภของตลาด


อัปเดตข่าวราคาทองวันนี้และแนวโน้มราคาทอง

ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวลงเล็กน้อยหลังจากแตะจุดสูงสุดในรอบหลายเดือน โดยล่าสุดเคลื่อนไหวในช่วงประมาณ 3,310–3,330 เหรียญ/oz ซึ่งใกล้แนวรับสำคัญที่ 3,305 เหรียญ และยังไม่สามารถฝ่าแนวต้านบริเวณ 3,345 เหรียญได้ ทำให้ตลาดเข้าสู่ช่วงการปรับฐาน (correction) เพื่อรอปัจจัยใหม่ที่มีน้ำหนักเพียงพอจะกำหนดแนวโน้มถัดไป

สัญญาณทางเทคนิคยังมีความหลากหลาย โดยในกรอบระยะสั้น เช่น รายชั่วโมงและ 5 ชั่วโมง ยังคงให้สัญญาณ "Strong Buy" จากโมเมนตัมเดิมที่ยังคงค้างอยู่ ขณะที่ภาพรายวันอยู่ในสถานะ Neutral แสดงถึงภาวะลังเลของตลาด ส่วนภาพรายสัปดาห์และรายเดือนยังให้สถานะ "Strong Buy" โดยรวมแปลว่าราคาอาจอยู่ในช่วงพักตัวระยะสั้น แต่แนวโน้มระยะกลางถึงยาวยังคงเป็นขาขึ้น

Sentiment จาก Fear & Greed Index (JMBullion)

หนึ่งในตัวชี้วัดที่สะท้อนพฤติกรรมของนักลงทุนได้ดีคือ Fear & Greed Index ซึ่งล่าสุดอยู่ที่ระดับ "Greed" ประมาณ 70–75 หมายถึงนักลงทุนกำลังมีความมั่นใจในราคาทองสูงมาก อาจสะท้อนถึงภาวะตลาดที่ร้อนแรงเกินไปและอาจนำไปสู่แรงขายทำกำไรในระยะสั้น โดยเฉพาะหากมีข่าวลบจากเศรษฐกิจโลกเข้ามาแทรก

อย่างไรก็ตาม ในมุมกลับกัน ดัชนีที่อยู่ในระดับ Greed ก็อาจหมายถึงแรงซื้อสะสมเมื่อเกิดแรงย่อตัว เพราะนักลงทุนยังเชื่อมั่นในแนวโน้มขาขึ้นของทองคำ

วิเคราะห์ตลาดจากแหล่งต่างประเทศ

ข้อมูลจาก World Gold Council (WGC) ระบุว่า ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเป็นกลุ่มผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ โดยเฉลี่ยซื้อทองมากกว่า 1,000 ตันต่อปี ซึ่งมากกว่าช่วงก่อนหน้านี้เกือบ 2 เท่า อีกทั้ง 95% ของธนาคารกลางที่สำรวจระบุว่าจะเพิ่มการถือครองทองคำต่อเนื่องใน 12 เดือนข้างหน้า

แนวโน้มราคาทองยังได้รับแรงหนุนจากปัจจัยเชิงเศรษฐกิจโลก เช่น ภาวะเงินเฟ้อสูงในหลายประเทศ รวมถึงความเสี่ยงจากเศรษฐกิจชะลอตัวหรือ "stagflation" ซึ่งกระตุ้นให้ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนเลือกถือเพื่อป้องกันความเสี่ยง

ด้านสถาบันการเงินขนาดใหญ่ เช่น UBS, Goldman Sachs, JP Morgan และ Bernstein ยังมองว่าราคาทองมีโอกาสปรับขึ้นถึงระดับ 3,700–4,000 เหรียญ/oz ภายในช่วงปลายปี 2025 ถึงกลางปี 2026 โดยมีเงื่อนไขคืออัตราดอกเบี้ยทั่วโลกต้องไม่กลับไปอยู่ในระดับสูง และดอลลาร์สหรัฐไม่แข็งค่าจนเกินไป

บทสรุปแนวโน้ม

ในช่วงเวลาที่ราคาทองเข้าสู่การปรับฐาน นักลงทุนควรใช้โอกาสนี้เพื่อประเมินสถานการณ์รอบด้าน:

  • ปัจจัยหนุน: การสะสมทองของธนาคารกลาง, เงินไหลเข้าสู่กองทุน ETF เช่น SPDR Gold Shares และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นแรงหนุนระยะกลางถึงยาว

  • Sentiment Index: ดัชนี Fear & Greed ในระดับ Greed บ่งชี้ถึงความมั่นใจที่อาจสูงเกินไป ซึ่งเป็นจุดที่นักลงทุนเทคนิคมักใช้เป็นสัญญาณเตือนให้ระวังแรงขายทำกำไร

  • ความเสี่ยงระยะสั้น: หากราคาทองหลุดแนวรับที่ ~3,305 เหรียญ อาจเปิดทางให้เข้าสู่เทรนด์ขาลงทางเทคนิค โดยเฉพาะถ้า Fed ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยหรือหากดัชนีดอลลาร์กลับมาแข็งค่าชัดเจน

ข้อแนะนำสำหรับนักลงทุน

สำหรับนักลงทุนระยะสั้น ควรจับตาแนวรับสำคัญ หากยังยืนได้อาจมีจังหวะรีบาวด์ระยะสั้น สำหรับนักลงทุนระยะกลางถึงยาว ช่วงนี้อาจเป็นจังหวะสะสมเมื่อราคาย่อตัว โดยอิงจากแนวโน้มในระยะ 6–12 เดือนข้างหน้าที่หลายสถาบันยังคงมองว่าทองคำจะปรับตัวสูงขึ้น

เหนือสิ่งอื่นใด การประเมินอารมณ์ตลาดควบคู่กับพื้นฐานระยะยาวยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการตัดสินใจ


อ้างอิง:
https://www.kitco.com/
https://www.investing.com/commodities/gold
https://www.gold.org/
https://www.jmbullion.com/fear-greed-index/
https://www.zerohedge.com/
https://www.bloomberg.com/


ข้อสงวนสิทธิ์:
บทความหรือข่าวสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น โดยเนื้อหาอาจจัดทำขึ้นโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสรุปข้อมูลจากแหล่งข่าวต่าง ๆ ที่เปิดเผยต่อสาธารณะ หรือเรียบเรียงจากความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ทั้งนี้ มิได้เป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือการซื้อขายทองคำ สินทรัพย์ หรือหลักทรัพย์ใด ๆ ผู้จัดทำได้พยายามตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลอย่างเต็มที่ แต่อาจมีความคลาดเคลื่อนหรือเปลี่ยนแปลงได้ตามเวลา และขอสงวนสิทธิ์ไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่ากรณีใด